Regular และ Extended license บน Envato Market | WP63

Regular และ Extended license บน Envato Market

ใครที่เคยซื้อธีมและปลั๊กอินจากบน Envato Market ไม่ว่าจะเป็น Themeforest หรือ Codecanyon (และอื่นๆ อีกมากมาย) จะต้องเจอกับตัวเลือกว่าจะซื้อธีมหรือปลั๊กอินนั้นๆ ด้วยไลเซนส์แบบไหน และที่เราเจอกันบ่อยที่สุดก็คือ Regular และ Extended license

เวลาเราถามว่าไลเซนส์ทั้งสองแบบนั้นต่างกันอย่างไร เราจะได้ข้อสรุปสั้นๆ ว่าแบบ Regular ไม่สามารถเอาไปขายต่อได้ ส่วน Extended สามารถเอาไปขายต่อได้ ซึ่งแน่นอนว่างง ขายต่อได้ ขายยังไง ทำงานขายลูกค้าต้องใช้ extended มั้ย เดี๋ยวจะมาอธิบายให้ฟังกัน

End product และ End user

ก่อนจะไปอธิบายว่า regular และ extended มันต่างกันอย่างไร เราต้องอธิบายเรื่อง End product และ End user ก่อน

End product คือสินค้าของเราที่จะเอาไปขาย ถ้าในกรณีที่เราทำเว็บไซต์ขึ้นมาสักเว็บหนึ่งให้ลูกค้า เว็บไซต์ที่เราทำขึ้นมานี้ถือเป็น end product ของเรา หรือถ้าเราทำธีมหรือปลั๊กอินเพื่อจะไปขายต่อ ธีมหรือปลั๊กอินตัวนี้ก็จะเป็น end product ของเรา

สมมุติว่าเราเขียนธีมขึ้นมาขายตัวหนึ่ง end product ของเราคือธีมตัวนี้ ถ้ามีคนเข้ามาซื้อธีมของเราไปทำเว็บ เว็บที่ออกมาจะเป็น end product ของคนที่เข้ามาซื้อธีม ไม่ใช่ของเรา

End user คือคนที่เอา end product ไปใช้งาน ถ้าเราสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาเว็บหนึ่ง คนเข้าใช้เว็บของเราคือ end user (ไม่ใช่คนที่จ้างเราทำเว็บนะ เป็นคนเข้าเว็บเลย) หรือในกรณีที่เราทำธีมหรือปลั๊กอินขาย end user ของเราคือคนที่ซื้อธีมหรือปลั๊กอินนั้นๆ ไปใช้งาน (ไม่ใช่คนที่เข้าเว็บของคนที่ซื้อธีมหรือปลั๊กอินไปใช้)

เพื่อให้เห็นภาพง่ายๆ ผมจะสมมุติสถานการณ์ดังนี้

  1. นาย A สร้างธีม Hello World ขึ้นมาขาย
  2. นาย B ซื้อธีม Hello World ของเราไปใช้สร้างเว็บไซต์
  3. นาย B เปิดตัวเว็บไซต์ มีคนเข้ามาใช้งานเว็บของนาย B

จากกรณีตัวอย่างสามารถอธิบายได้ดังนี้

  1. ธีม Hello World เป็น End product ของนาย A
  2. นาย B เป็นคนซื้อธีม ดังนั้น B เป็น End user ของ A
  3. นาย B ทำเว็บเสร็จ เว็บที่ออกมาเป็น End product ของนาย B
  4. คนเข้าเว็บ เป็น End user ของนาย B

นาย B อาจจะซื้อธีมมาทำเว็บเองโดยตรง หรือจ้างคนมาทำก็ได้ แต่ที่สุดแล้ว End product ที่ออกมาจะเป็นของนาย B

จากตัวอย่างจะเห็นว่า End product และ End user นั้นสามารถเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ และ End user ที่ซื้อ End product มาชิ้นหนึ่ง ก็สามารถเอา End product ชิ้นนั้นมาทำ End product ของตัวเองได้

Regular และ Extended license

ทั้ง Regular และ Extended license จะมีข้อจำกัดที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือสามารถเอาไปทำงานได้ชิ้นเดียวเท่านั้น เช่นสามารถทำเว็บส่งลูกค้าได้เว็บเดียว ถ้าจะทำเว็บอื่นต้องซื้อเพิ่ม หรือถ้าเราซื้อปลั๊กอินมาเพื่อใส่ในธีมที่เราทำขาย เราก็สามารถเอาไปใส่ได้ในธีมเดียว จะทำธีมตัวใหม่ก็ต้องซื้อใหม่

ในตอนนี้ Envato Market ยังไม่มี developer license หรือ multi-client license ที่จะสามารถเอาไปใช้ในหลายๆ โปรเจ็กท์ได้

ส่วนที่ทำให้ Regular และ Extended license ต่างกันนั่นคือ Regular license จะไม่อนุญาตให้คนที่ซื้อธีมหรือปลั๊กอินนั้นๆ ไป เรียกเก็บค่าบริการ End product ของตัวเอง จาก End user ของตัวเอง หากต้องการทำแบบนั้น จะต้องไปใช้ Extended license แทน

ผมจะยกตัวอย่างให้ 2 กรณีคือการซื้อมาทำธีมขาย และการซื้อมาทำเว็บไซต์ปกติ กับอีกกรณีที่สงสัยกันนั่นคือเว็บ e-commerce

กรณีแรก นาย A จะทำธีมขาย และซื้อปลั๊กอินของนาย B มาเพื่อจะขายไปกับธีม

กรณีนี้ End product ของนาย A คือธีมที่จะทำขาย นั่นหมายความว่านาย A จะต้องเก็บเงินจาก End user ของตัวเอง (คนซื้อธีม) ในการใช้งาน End product ของตัวเอง ดังนั้นกรณีนี้นาย A จะต้องซื้อปลั๊กอินของนาย B มาด้วย Extended license

หรือใครจะซื้อ Regular license มาแล้วแถมไปกับธีมฟรี ดูแล้วก็ไม่น่าจะขัดกับข้อตกลงนสะ เผื่อใครอยากทำ

กรณีที่สอง นาย A ทำเว็บไซต์แห่งหนึ่ง และซื้อธีมของนาย B มาใช้

ในกรณีนี้ต้องดูว่านาย A มีการเก็บเงินค่าเข้าใช้บริการเว็บไซต์หรือไม่ ถ้าสมมุตินาย A แค่ต้องการทำเว็บข่าวธรรมดา ใครๆ ก็สามารถเข้ามาอ่านเว็บของนาย A ได้ฟรีๆ แบบนี้สามารถใช้ Regular license ตามปกติได้เลย

แต่ถ้าหากนาย A ทำระบบสมาชิกพรีเมียมในเว็บ มีการกันเนื้อหาบางส่วนเอาไว้สำหรับสมาชิกที่เสียเงิน นาย A จำเป็นจะต้องไปใช้ Extended license แทน

เว็บไซต์ e-commerce

เว็บ e-commerce เป็นหนึ่งในสิ่งที่หลายคนงงที่สุด เพราะในเว็บก็มีการเก็บเงินค่าสินค้าที่คนเข้าเว็บซื้อเหมือนกัน

กรณีนี้เราต้องแยกออกมาก่อนว่าตัวเว็บกับสินค้าที่ขายบนเว็บนั้นเป็น End product คนละตัวกัน ถ้าตราบใดที่เว็บ e-commerce ซึ่งเป็น End product หนึ่งของคุณนั้นเปิดให้คนสามารถเข้ามาซื้อขายของบนเว็บได้ฟรี คุณจะสามารถใช้ Regular license ได้ตามปกติ

แต่ถ้าเว็บของคุณเริ่มมีการเก็บเงินค่าใช้บริการ เช่นอาจจะเก็บค่า premium ที่เข้าถึงส่วนลดพิเศษในเว็บคุณได้ หรือเก็บค่า listing สำหรับคนที่เอาสินค้ามาฝากขายบนเว็บ แบบนี้คุณจะต้องย้ายไปใช้ Extended license ครับ

ส่วนสินค้าบนเว็บไซต์นั้นเป็น End product คนละตัว คุณจะขายหรือแจกฟรีก็ไม่เกี่ยวกับไลเซนส์ข้างต้น

อ้างอิง – Envato Market


Posted

in

by

Comments

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.